วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

[เรื่องนี้ต้องอ่าน] ตำนาน "ลูกประคำ ๑๐๘ เม็ด"


ตำนาน "ลูกประคำ ๑๐๘ เม็ด"...ของชาวมอญ
โดย ~ หลวงพ่ออุตตมะ หรือ พระราชอุดมมงคล (เอหม่อง อุตฺตมรมฺโภ)


"หลวงพ่ออุตตมะ" หรือ พระราชอุดมมงคล (เอหม่อง อุตฺตมรมฺโภ) เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี (ปัจจุบันจมอยู่ใต้น้ำ และมีชื่อเสียงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand เป็นที่รู้จักในชื่อว่า "วัดใต้น้ำ สังขละบุรี") เป็นพระภิกษุชาวพม่าเชื้อสายมอญ ท่านเป็นพระที่ได้ความเคารพเลื่อมใสในหมู่คนไทยเชื้อสายมอญและชาวพุทธทั่วไป เป็นพระนักเดินธุดงคกรรมฐาน ท่านได้เล่าเรื่องราวและจดบันทึกเกี่ยวกับตำนาน "ลูกประคำ ๑๐๘ เม็ด" ไว้ดังต่อไปนี้...

ในปีพุทธศักราช ๒๒๕...คณะสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนาใน "ประเทศอินเดีย" ได้ประชุมตกลงกันเพื่อจัดส่ง...พระอรหันต์เถระ...เดินทางออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนต่าง ๆ โดยได้มอบหมายให้พระอรหันต์ ๒ รูป คือ "พระโสณเถระ" และ "พระอุตตรเถระ" เดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาและนำพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์มาประดิษฐานในดินแดน "สุวรรณภูมิ" ซึ่งมี "เมืองนครปฐม" ในปัจจุบันเป็นจุดศูนย์กลาง

เมื่อได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวแล้ว...พระอรหันต์เถระทั้งสองรูป จึงได้ออกเดินทางจาก "เมืองปาฏลีบุตร" ในประเทศอินเดียโดยนำพระบรมสารีริกธาตุมาด้วย...ครั้นเมื่อเดินทางผ่าน "เมืองสะเทิม" ใน "ประเทศมอญ" พระอรหันต์เถระทั้ง ๒ รูปได้พบกับ พระฤษี ๓ รูป ซึ่งพำนักบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ที่บริเวร "ภูเขาสุทัศน์คีรี" ใกล้เมืองสะเทิมคือ พระฤษีคุปตะ พระฤษีจุลละ และพระฤษีเทวิละ

พระฤษีทั้ง ๓ รูปนี้...เมื่อได้เห็นพระจริยาวัตรและปฏิปทาอันงดงามของพระโสณเถระและพระอุตตรเถระ ก็บังเกิดศรัทธาและความเลื่อมใสชักชวนกันไปกราบไหว้นมัสการและซักถามพระอรหันต์เถระทั้งสองว่า "ท่านเป็นศิษย์ของผู้ใด...ใครคือพระศาสดาของท่าน?"

พระอรหันต์เถระทั้งสองก็ตอบว่า "พระสมณโคดมศากยบุตรอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า...เป็นอาจารย์ของพวกเรา...พระองค์ คือพระศาสดาของพวกเราทั้งหลาย..."

พระฤษีทั้ง ๓ รูป...เมื่อได้ยินดังนั้นก็ขอร้องให้พระอรหันต์เถระทั้ง ๒ รูป เล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของพระพุทธศาสนาให้ฟัง พระอรหันต์เถระทั้งสองก็ได้อธิบายให้พระฤษีทั้ง ๓ รูปฟังโดยละเอียด...

เหล่าพระฤษีเมื่อได้ทราบว่าพระรัตนตรัยได้บังเกิดขึ้นในโลกนี้แล้วก็รู้สึกปิติ ยินดี แต่มีความเสียดายที่ไม่ได้พบเข้าเฝ้าพระพุทธองค์...เพราะทรงเข้า "ปรินิพพาน"ไปนานแล้วถึง ๒๒๕ ปี
จึงซักถามพระอรหันต์เถระทั้งสองต่อไปว่า "พระรัตนตรัยทั้ง ๓ มีคุณเท่าใด?"

พระอรหันต์เถระทั้งสองก็อธิบายให้ฟังว่า

"คุณของพระพุทธเจ้ามีจำนวน ๕๖ ดังบทสวดพระพุทธคุณ (อิติปิโสภควา)
คุณพระธรรมเจ้ามีจำนวน ๓๘ ดังบทสวดพระธรรมคุณ (สวากขาโต)
และคุณพระสังฆเจ้ามีจำนวน ๑๔ ดังบทสวดพระสังฆคุณ (สุปฏิปันโน)
เมื่อรวมกันแล้ว คุณพระศรีรัตนตรัยมีจำนวนทั้งสิ้น ๑๐๘...ประการโดยย่อ"

พระฤษีทั้ง ๓ รูปได้ซักถามต่อไปว่า "ในกัปของเรานี้จะยังมีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่เกิดขึ้นอีกหรือไม่?"

พระอรหันต์ทั้งสองได้อธิบายให้ฟังว่า "ในขณะนี้เราอยู่ในภัทรกัป ซึ่งจะมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๕ พระองค์...พระสมณโคดมนี้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ ในภัทรกัป ดังนั้นในกัปนี้จึงยังเหลือพระพุทธเจ้าที่จะมาบังเกิดขึ้นอีกหนึ่งพระองค์ คือ...พระศรีอริยเมตไตรย..."

พระฤษีทั้ง ๓ ขอทราบนามของพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ในภัทรกัปนี้ พระอรหันต์เถระทั้งสองจึงแจ้งให้ทราบดั่งพันธคาถาปัฐยาวัตรฉันท์ต่อไปนี้

"นะกาโร กะกุสันโธ จะ โมกาโร โกนาคะมะโน
พุทกาโร กัสสะโป พุทโธ ธากาโร สักยะปุงคะโว
ยะกาโร สิริอะริยะเมตเตยโย ปัญจะพุทธา นะมามิหัง"

เมื่อทั้งสองฝ่ายได้สนทนากันจนเป็นที่พอใจแล้ว พระอรหันต์ทั้งสองก็อำลาพระฤษีทั้งสามออกเดินทางมายังสุวรรณภูมิตามจุดมุ่ง หมายเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป

ฝ่ายพระฤษีทั้งสามได้ปรึกษาหารือกันว่า...แม้เราจักมิได้พบกับพระพุทธองค์ผู้เป็นศาสดาแห่งพระพุทธศาสนาก็ตามที...เราควรจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อให้น้อมระลึกถึง "คุณแห่งพระรัตนตรัย" ให้เป็นอารมณ์อยู่เสมอ

ในที่สุด...ก็ได้ตกลงกันสร้าง "ลูกประคำ" ขึ้นมาเพื่อใช้ในการ "สวดมนต์ภาวนา" โดยกำหนดให้ลูกประคำมี "จำนวน ๑๐๘ เม็ด" เท่ากับคุณพระศรีรัตนตรัยซึ่งมีโดยย่อจำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๐๘ ประการนั้น...และที่ยอดของสายประคำสำหรับการบริกรรมภาวนา...ได้ใส่ "ลูกประคำ ๓ เม็ด" เพื่อเป็นเครื่องหมายแทนพระรัตนตรัย คือ "พระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์"


การใช้ "ลุกประคำ ๑๐๘" ในการสร้างสมาธิเพื่อการภาวนา

ในสมัยโบราณพระอริยสงฆ์ของดินแดนลานนาส่วนใหญ่ เช่น "ครูบาศรีวิชัย" ฯลฯ มักจะย่อ "พระคุณของพระรัตนตรัย" ไว้ เพื่อสะดวกแก่การสวดสาธยายโดยจัด พุทธคุณไว้ ๕๖   พระธรรมคุณ ๓๘ และพระสังฆคุณ ๑๔  รวมเป็น  ๑๐๘

วิธีนับนั้นท่านกำหนดให้นับตามอักษร 

"พุทธคุณ ๕๖"...เริ่มตั้งแต่  "อิ  ติ  ปิ  โส  ภะ  คะ  วา  อะ  ระ  หัง  สัม  มา  สัม  พุท   โธ  วิช  ชา  จะ ระ  สัม  ปัน  โน  สุ  คะ  โต  โล  กะ  วิ  ทู  อะ  นุต  ตะ  โร  ปุ  ริ  สัท  ธัม  มะ  สา  ระ  ถิ  สัต  ถา  เท  วะ  มะ  นุส  สา  นัง  พุท  โธ  ภะ  คะ  วา   ติ"...นับรวมได้ ๕๖ คำ นี่คือ "พุทธคุณ ๕๖" 

"พระธรรมคุณ ๓๘"...นับเริ่มตั้งแต่  "สฺวาก  ขา  โต  ภะ  คะ  วะ  ตา  ธัม  โม  สัน  ทิฏ  ฐิ  โก  อะ  กา  ลิ  โก  เอ  หิ  ปัส  สิ  โก  โอ  ปะ  นะ  ยิ โก  ปัจ  จัต  ตัง  เว  ทิ  ตัพ  โพ  วิญ  ญู  หี  ติ"...นับรวมได้ ๓๘  คำ นี่คือ "พระธรรมคุณ ๓๘"

ส่วน "พระสังฆคุณ ๑๔" นั้นท่านกำหนดให้ท่องนับท่อนเดียวคือ "สุ ปะ  ฏิ  ปัน  โน  ภะ  คะ  วะ  โต  สา  วะ  กะ  สัง  โฆ"...นับรวมได้ ๑๔ คำ นี่คือ "พระสังฆคุณ ๑๔"

รวมพุทธคุณ ๕๖ พระธรรมคุณ ๓๘ พระสังฆคุณ ๑๔...นี่แหละคือ...ที่มาของ "ลูกประคำ ๑๐๘"...เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้แล...นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ...

 

1 ความคิดเห็น: