หลวงปู่มั่น...เล่าว่า "ครูบาศรีวิชัย...ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว"
บันทึกโดย พระธรรมดิลก วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่
ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านพระอาจารย์ใหญ่แห่งสายวิปัสสนากัมมัฏฐาน ได้เคยพำนักอยู่วัดเจดีย์หลวงร่วมสมัยกับกับพระเดชพระคุณพระอุบาลี (จันทร์) ระหว่าง 2472-2474
ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่ "ครูบาศรีวิชัย" พระนักบุญแห่งล้านนาไทย...ขึ้นมาพำนักอยู่ที่วัดสวนดอก เมืองเชียงใหม่เพื่อฟื้นฟู บูรณะวัดวาอารามพระธาตุเจดีย์ ปูชนียสถานต่างๆในเมืองเชียงใหม่ รวมทั้งสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพด้วย
พระครูบาศรีวิชัย...แม้องค์ท่านจะไม่มีฐานันดรสมณศักดิ์ แต่ท่านก็เป็นพระมหาเถระสมบูรณ์พร้อมด้วยคุณธรรม และวัตรปฏิบัติอันประเสริฐยิ่ง มีบารมีสูงสุด จนคนเหนือยกย่องให้เป็น "ตนบุญ" หรือ "นักบุญแห่งล้านนาไทย" พระครูบาศรีวิชัยได้เข้ามากราบนมัสการท่านเจ้าคุณอุบาลี วัดเจดีย์หลวงถึง 2 ครั้ง และพระเดชพระคุณก็มีโอกาสไปเยี่ยมพระครูบาศรีวิชัยเป็นการตอบแทน ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับกรุงเทพ
ส่วนพระอาจารย์มั่นนั้น เคยพบและสนทนาธรรมกับพระครูบาศรีวิชัย ซึ่งเป็นเหตุการณ์เมื่อภายหลังจากที่ครูบาเจ้าศรีวิไชยพ้นจากอธิกรณ์แล้ว
ท่านอาจารย์มั่นเคยออกปากชวนพระครูบาศรีวิชัยออกมาปฏิบัติกัมมัฏฐานด้วยกัน แต่พระครูบาศรีวิชัยปฏิเสธโดยกล่าวว่า "ท่านได้บำเพ็ญบารมีมาทางพระโพธิสัตว์ และได้รับการพยากรณ์แล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้"
ต่อมาพระเดชพระคุณพระคุณพระอุบาลี... สนใจใคร่รู้ถึงภูมิธรรมและปฏิปทาตามวิถีทางที่พระครูบาศรีวิชัยดำเนินอยู่ จึงได้สอบถามพระอาจารย์มั่น ซึ่งท่านได้กราบเรียนพระเดชพระคุณให้ทราบว่า
"พระศรีวิชัยองค์นี้เป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพระโพธิญาณ ขณะนี้กำลังบำเพ็ญเพียรสร้างสมบารมีอยู่ ซึ่งต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีกนาน จนกว่าการสั่งสมบารมีธรรมจะบริบูรณ์"
ส่วนหลวงปู่มั่นเองตามประวัติที่เขียนโดย หลวงตามหาบัว ท่านกล่าวว่า "หลวงปู่มั่น" ในช่วงปฏิบัติช่วงหนึ่งเกิดติดขัด ไปต่อไม่ได้ จิตอาลัยอาวร กล่าวคือท่านก็ "ปรารถนาพุทธภูมิ" เช่นกัน แต่ท่านอธิฐานละพุทธภูมินั้นเสียและขอรวมบารมีที่ได้สั่งสมไว้ดีแล้วนั้นถ้าเต็มบารมีสาวกภูมิก็ขอให้บรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินี้ (เพราะท่านเจริญสมาธิจนรู้ได้ ว่าท่านเคยเกิดเป็นสุนัขอยู่ 500 ชาติ เกิดสลดสังเวช ไม่อยากเกิดอีกแล้ว)
หลังจากอธิษฐานละแล้วการปฏิบัติก็ก้าวหน้าเป็นลำดับ ท่านหลวงตามหาบัวได้แสดงความเห็นแทรกไว้ว่าการที่ท่านละได้นั้นเพราะความปราถนาท่านยังไม่ถึงขั้นพุทธทำนาย จึงยังมีโอกาสละและประมวลบารมีทั้งหมดให้มามีผลในปัจจุบันได้
เมื่อสำเร็จ "สาวกภูมิ" ในชาตินี้แล้วความรู้อันเป็นของพุทธภูมิหรืออุปนิสัยความสามารถในทางพุทธภูมิ คือการถ่ายทอดสอนคนอื่นต่อจึงมีความสามารถมาก รู้แยกแยะสอนสั่งผู้อื่นได้ชำนาญ
"หลวงปู่มั่น" พูดถึง "ครูบาศรีวิชัย"
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) ท่านได้เชียนไว้ในหนังสือ "ชาติสุดท้าย เพชรน้ำหนึ่งในวงการกรรมฐาน" โดยมีข้อความว่า "หลวงปู่มั่น" ท่านพูดชมเชยสรรเสริญ "ครูบาศรีวิชัย" ท่านพูดด้วยความเคารพจริง ๆ นะ เราดูอากัปกิริยาของท่าน พูดด้วยความสนิทสนมในจิตในใจ ท่านพูดด้วยความเคารพจริง ๆ ท่านว่า "ครูบาศรีวิชัย...ท่านนั่งได้นะทั้งวัน เขาเอาอันนั้นมาถวาย อันนี้มาถวาย เพราะทำทางขึ้นดอยสุเทพ คนแถวนั้นมาหมดเลย ครูบาศรีวิชัยท่านเป็นตัวประธาน เป็นองค์ประธานนะ เขาเอาอันนั้นมาถวายอันนี้มาถวาย ท่านให้พรทั้งวัน ท่านว่า อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง ฯลฯ ตาไม่ลืม เฉพาะให้พรโยม อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง ฯลฯ หมดทั้งวัน"
นี่ท่านก็มาสรุปนะ...เราก็อัศจรรย์ท่าน ท่านทนจริง ๆ ถ้าอย่างเราไม่ได้ เผ่นเลย หมดวัน พอตื่นขึ้นมาคนเต็มเลย ค่ำก็ยังไม่หนี ทั้งวัน อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง ฯลฯ อยู่นั่น เราก็เลยไม่ลืม ก็ท่านพูดเอง เวลาพูดไปสัมผัสถึง "ครูบาศรีวิชัย" ท่านสนิทสนมกันมากนะ ครูบาศรีวิชัยกับหลวงปู่มั่นเรา ดูเวลาท่านพูดให้ฟัง
"โอ๊ย! จึงรู้ว่าท่านสนิทสนมกันมาก" ทีนี้เวลาท่านพูดท่านก็พูดด้วยความสนิทจริง ๆ พูดด้วยความเลื่อมใส...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น